ข่าวและบทความ

ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายังไงให้ประหยัดเงินในกระเป๋ากว่าเดิม ?

calendar-icon23 ม.ค. 2568
image
image
image
image
image
ผู้หญิงกำลังชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

7 เคล็ดลับประหยัดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เจ้าของรถต้องรู้

 

แน่นอนว่าจุดเด่นที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คือการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เนื่องจากไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมันหลายเท่าตัว อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่ขับขี่รถ EV สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้นอีก ถ้ารู้เคล็ดลับวิธีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างถูกต้องและชาญฉลาด 

 

เคล็ดลับประหยัดค่าชาร์จรถ EV

 

1. เลือกช่วงเวลาชาร์จให้เหมาะสม

 

รู้หรือไม่ว่าการเลือกช่วงเวลาชาร์จไฟมีผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่าย ? สำหรับผู้ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยไฟบ้าน การเลือกใช้มิเตอร์ไฟฟ้าแบบ TOU (Time of Use) จะช่วยลดค่าไฟได้มาก โดยเฉพาะในช่วง Off-Peak (22.00-09.00 น.) ที่ค่าไฟฟ้าจะลดเหลือเพียง 2.60 บาทต่อหน่วย ซึ่งถูกกว่าช่วงเวลาปกติที่ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.2 บาทต่อหน่วย (ข้อมูลวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2567)


ตัวอย่างเช่น หากคุณชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงาน 20 หน่วยต่อวัน ค่าใช้จ่ายในช่วง Off-Peak จะอยู่ที่เพียง 52 บาท แต่ถ้าชาร์จในช่วงเวลาปกติ ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นเป็น 84 บาท ซึ่งอาจดูเป็นจำนวนไม่มากนัก แต่เมื่อบวกรวมตลอดทั้งเดือน ก็สามารถประหยัดได้ถึง 960 บาทเลยทีเดียว


นอกจากนั้น สำหรับผู้ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่สถานีชาร์จนอกบ้าน ผู้ให้บริการบางรายก็มีการเก็บอัตราค่าชาร์จระหว่าง On-Peak กับ Off-Peak ที่แตกต่างกันเช่นกัน ดังนี้


• PEA Volta ราคา ช่วง On-Peak ราคา 5.30-8.80 บาทต่อหน่วย และ Off-Peak ราคา 4.5-5.5 บาทต่อหน่วย
• EV Station PluZ ช่วง On-Peak ราคา 7.5 บาทต่อหน่วย และช่วง Off-Peak 5.5 บาทต่อหน่วย

 

2. ชาร์จที่บ้านดีกว่าชาร์จนอกสถานที่

 

หนึ่งในวิธีที่คุ้มค่าที่สุดในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าคือ การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยไฟบ้าน  การชาร์จที่บ้านมีข้อดีหลายประการ ทั้งด้านความสะดวก ค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า และความสามารถในการตั้งค่าการชาร์จในช่วง Off-Peak ได้ง่าย

 

ตัวอย่างเปรียบเทียบ :

 

ถ้าคุณชาร์จรถที่บ้านด้วย Wall Charger ในช่วง Off-Peak ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 2.60 บาทต่อหน่วย
แต่ถ้าคุณเลือกชาร์จที่สถานีชาร์จที่คิดอัตรา 7.5 บาทต่อหน่วย คุณจะต้องจ่ายมากขึ้นถึงเกือบ 3 เท่า

 

นอกจากนี้ การติดตั้ง Wall Charger ที่บ้านยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการชาร์จไฟ คุณสามารถชาร์จรถได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้ปลั๊กไฟปกติ และลดความเสี่ยงจากการเกิดความร้อนสะสม

 

3. ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการชาร์จ

 

การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว คุณสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟ (Solar Roof) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะในบ้านที่มีพื้นที่เพียงพอ การติดตั้งโซลาร์รูฟช่วยให้คุณลดค่าไฟฟ้าลงได้มาก

 

ตัวอย่างการคำนวณ :

 

หากโซลาร์รูฟของคุณสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เฉลี่ย 20 หน่วยต่อวัน และคุณใช้พลังงานส่วนนี้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 10 หน่วย ผลลัพธ์คือลดค่าใช้จ่ายรายเดือนลงได้ถึง 1,200 บาท หรือ 14,400 บาทต่อปี

 

ถึงแม้ว่าการติดตั้งโซลาร์รูฟจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 150,000-300,000 บาท แต่ในระยะยาว การประหยัดค่าไฟฟ้าจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและการใช้งานอื่น ๆ ภายในบ้านจะช่วยคืนทุนภายใน 8-10 ปี

 

4. วางแผนการเดินทางให้รอบคอบ

 

สำหรับทริปขับระยะไกล การวางแผนเส้นทางล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหากไม่วางแผนอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น การเลือกชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่สถานีที่มีอัตราค่าไฟแพงกว่า หรือการเดินทางอ้อมเพื่อหาสถานีชาร์จ

 

เคล็ดลับ :

 

ศึกษาเส้นทางล่วงหน้าว่ามีสถานีชาร์จอยู่ที่ไหน
ใช้ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จเต็มให้คุ้มค่าที่สุด
พยายามชาร์จแบตเตอรี่ในช่วงที่แบตเหลือ 20-30% เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่
แอปพลิเคชัน EVme พร้อมฟีเจอร์ EV Chargers & Trip Planner เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น ฟีเจอร์นี้ช่วยค้นหาสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด วางแผนเส้นทางการเดินทาง และคำนวณค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างทาง

 

5. สมัครสมาชิกสถานีชาร์จไฟฟ้า

 

ผู้ให้บริการสถานีชาร์จหลายรายมีโปรแกรมสมาชิกที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษ ทั้งส่วนลดค่าชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คะแนนสะสม และชั่วโมงชาร์จฟรี การเปรียบเทียบและเลือกแผนสมาชิกที่เหมาะกับรูปแบบการใช้งานของคุณจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก โดยเฉพาะหากต้องใช้สถานีชาร์จสาธารณะเป็นประจำ

 

การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่สถานีชาร์จ

 

6. บำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้าอย่างถูกวิธี

 

การบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงช่วยให้การชาร์จไฟมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดจากการสึกหรอของระบบต่าง ๆ เช่น

 

หมั่นตรวจสอบแรงดันลมยาง เนื่องจากยางที่ไม่เหมาะสมจะทำให้รถใช้พลังงานมากขึ้น
หลีกเลี่ยงการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจนเต็ม 100% หรือปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเหลือ 0%
เข้ารับบริการตรวจเช็กแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้าตามรอบที่กำหนด

 

7. ใช้ระบบ Smart Charging

 

ระบบ Smart Charging ถือเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนี้ช่วยให้สามารถตั้งเวลาชาร์จในช่วง Off-Peak ได้โดยอัตโนมัติ และตรวจสอบสถานะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน

 

ประโยชน์ของ Smart Charging :

 

ลดค่าไฟฟ้าด้วยการตั้งค่าชาร์จในช่วง Off-Peak
ป้องกันการใช้พลังงานเกินพิกัดที่อาจทำให้ค่าไฟเพิ่มสูงขึ้น
เพิ่มความปลอดภัยในการชาร์จ


ถ้าอยากเซฟเงินในกระเป๋าให้มากขึ้น ก็อย่าลืมนำเอาเทคนิคข้างต้นไปปรับใช้ และสำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ความคุ้มค่าในการขับรถไฟฟ้าด้วยตัวเองแบบ 100% ก็สามารถทดลองขับและเช่ารถยนต์ไฟฟ้าระยะสั้นหรือระยะยาวจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำได้ที่แอปพลิเคชัน EVme แอปฯ เดียวครอบคลุมทุกเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า ดาวน์โหลดฟรีทั้งระบบ iOS และ Android

 

ข้อมูลอ้างอิง

 

1.ประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 จาก https://www.mea.or.th/our-services/tariff-calculation/other/D5xEaEwgU
2.อัพเดท ! ราคาชาร์จรถไฟฟ้า EV ปี 2567 . สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 จาก https://www.autoinfo.co.th/online/469478
3.คำนวณค่าไฟชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 1 ครั้ง เสียเงินกี่บาท. สืบค้นเมื่อวันที่  8 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.autospinn.com/2021/07/calculate-the-cost-of-charging-an-electric-car-83553

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง