News and Articles

ทำไมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตถึงยิ่งสะดวกขึ้นเรื่อย ๆ ?

calendar-iconDec 18, 2024

8 เหตุผลที่ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตสะดวกยิ่งขึ้น

 

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างก้าวกระโดด แม้ว่าหลายคนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานรถ EV ในชีวิตประจำวัน ทว่า ด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตมีแนวโน้มที่จะสะดวกสบายขึ้นเรื่อย ๆ  

 

เหตุผลที่ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตสะดวกขึ้น

 

1. การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ก้าวกระโดด


แบตเตอรี่ ถือเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากปัญหาหลักที่ผู้ใช้งานกังวลคือระยะการขับขี่ และระยะเวลาการชาร์จ แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่มีความก้าวหน้าในการพัฒนาแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Lithium-Ion Battery) และแบตเตอรี่โซลิดสเตต (Solid-State Battery) ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

 

  • แบตเตอรี่โซลิดสเตต มีความหนาแน่นของพลังงานสูงกว่า ชาร์จเร็วกว่า และมีความปลอดภัยที่ดีกว่า
  • การวิจัยเกี่ยวกับวัสดุใหม่ เช่น ซิลิคอนแอโนด (Silicon Anode) และ ลิเทียมซัลเฟอร์ (Lithium Sulfur) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความจุของแบตเตอรี่ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • การพัฒนาเทคโนโลยี Battery Management Systems (BMS) ที่สามารถควบคุมและตรวจสอบสถานะของแบตเตอรี่ได้แบบเรียลไทม์ (Real Time) ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น

 

2. โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่ครอบคลุมมากขึ้น


การขยายสถานีชาร์จ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตสะดวกมากขึ้น โดยมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

 

  • การพัฒนาเครือข่ายการชาร์จความเร็วสูง (High-Power Charging Network) ที่สามารถชาร์จได้เต็มภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที
  • บริษัทใหญ่ ๆ เช่น Tesla, Electrify America และ Ionity กำลังขยายสถานีชาร์จครอบคลุมเส้นทางหลัก ๆ และในพื้นที่ห่างไกล และสำหรับผู้ที่ใช้บริการเช่ารถไฟฟ้า Tesla กับ EVme รุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่ 7 วันขึ้นไป ตอนนี้สามารถใช้งาน Tesla App ได้แล้ว ตอบโจทย์การขับขี่ที่สะดวกสบายและคล่องตัวยิ่งขึ้น
  • การใช้ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charging) หรือชาร์จไฟแบบอินดักทีฟ (Inductive Charging) กำลังเริ่มเข้าสู่ตลาด ซึ่งผู้ขับขี่ไม่ต้องเสียเวลาต่อสายให้ยุ่งยาก

 

3. ระบบนำทางและแอปพลิเคชันที่ฉลาดขึ้น


ระบบนำทางอัจฉริยะในปัจจุบันไม่เพียงแค่บอกเส้นทาง แต่ยังวางแผนการเดินทางโดยคำนึงถึงระยะทางที่สามารถขับได้ ตำแหน่งสถานีชาร์จ และเวลาที่ต้องใช้ในการชาร์จ แอปพลิเคชันสมัยใหม่สามารถแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real Time) เกี่ยวกับสถานะการใช้งานของสถานีชาร์จ และยังสามารถจองคิวล่วงหน้าได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ EV chargers & Trip Planner ของแอปพลิเคชัน EVme ที่ช่วยให้วางแผนการเดินทางสะดวกกว่าที่เคย ไม่ต้องกังวลว่าออกทริปแล้วจะหาสถานีชาร์จไม่เจอ

 

4. การบูรณาการกับระบบพลังงานอัจฉริยะ


รถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้น และสิ่งนี้ย่อมส่งผลให้แนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทยรวมถึงทั่วโลกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกระดับ

 

  • Vehicle-to-Grid (V2G) คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถส่งพลังงานกลับไปยังโครงข่ายไฟฟ้า ทำให้บ้านหรือสำนักงานสามารถใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์ในช่วงที่มีการใช้ไฟสูง
  • การใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ สำหรับการชาร์จ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถลดค่าใช้จ่ายและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่สิ่งแวดล้อม
  • การเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการชาร์จและตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ผ่านแอปพลิเคชันที่บ้าน

 

5. การบำรุงรักษาที่ง่ายและประหยัดยิ่งขึ้น


รถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งส่งผลให้การบำรุงรักษาง่ายและประหยัดกว่า ตัวอย่างเช่น

 

  • ไม่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ที่ซับซ้อน
  • ระบบ Regenerative Braking เป็นนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยลดการสึกหรอของเบรก ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
  • การอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-Air ช่วยให้รถยนต์มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการ

 

6. การพัฒนาเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving)


ระบบขับขี่อัตโนมัติช่วยให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น ตัวอย่างเช่น 

 

  • การพัฒนา Level 4 และ Level 5 Autonomous Driving ที่ไม่ต้องการการควบคุมจากมนุษย์ ช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ระหว่างการเดินทางได้
  • การใช้ LiDAR, Radar และ AI ในการตรวจจับและคาดการณ์สภาพแวดล้อม ช่วยลดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
  • การผนวกกับแอปพลิเคชัน Ride-Hailing ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียกรถอัตโนมัติไปยังจุดหมายได้อย่างง่ายดาย


การบูรณาการกับระบบพลังงานอัจฉริยะสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

 

7. ความหลากหลายของรถยนต์ไฟฟ้าและราคาที่เข้าถึงได้


ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมายตามความต้องการมากขึ้น ดังนี้
 

  • รถยนต์ไฟฟ้ามีให้เลือกหลากหลายรุ่น ตั้งแต่รถยนต์ขนาดเล็กสำหรับการขับขี่ในเมือง ไปจนถึงรถยนต์ SUV และรถกระบะไฟฟ้าที่เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย
  • ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ผู้ผลิตสามารถลดต้นทุนการผลิต และสิ่งนี้ก็สะท้อนถึงราคารถยนต์ไฟฟ้าทั้งการซื้อ การเช่าระยะยาว และการเช่าระยะสั้น ถูกลงเรื่อย ๆ อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ผู้คนเข้าถึงรถ EV ได้ง่ายขึ้น

 

8. นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐที่เพิ่มขึ้น


รัฐบาลทั่วโลกกำลังผลักดันนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทั้งการให้เงินอุดหนุน การลดภาษี และการสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ นอกจากนี้ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 หรือ COP26 ยังมีการกำหนดเป้าหมายการยกเลิกการขายรถยนต์สันดาปภายในปี ค.ศ. 2040 ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อตอบโจทย์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

 

ด้วยเหตุผลทั้ง 8 ข้อข้างต้นทำให้แนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทยรวมถึงทั่วโลกสะดวกสบายและตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเหตุผลว่าทำไมรถยนต์ไฟฟ้าคือตัวเลือกที่ดียิ่งขึ้นไปอีกสำหรับอนาคต และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดข่าวรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ก็สามารถติดตามได้ที่ EVme รวมถึงแอปพลิเคชัน EVme ของเราที่พร้อมให้บริการเช่ารถไฟฟ้าทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้คุณสัมผัสประสบการณ์ใช้งานรถ EV ด้วยตัวเอง  ดาวน์โหลดฟรีทั้งระบบ iOS และ Android 
 

ข้อมูลอ้างอิง

 

  1. The Future of Electric Vehicles: 7 Factors Driving EV Growth. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 จาก https://sepapower.org/knowledge/future-of-electric-vehicles/#:~:text=More%20savings%20over%20the%20long,reducing%20maintenance%20costs%20over%20time.
  2. จุดประเด็น “เลิกขายรถเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2040” ใครตอบรับบ้าง. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.mreport.co.th/news/industry-movement/204-COP26-to-end-sale-of-fossil-fuel-vehicles-by-2040